วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ภาษาไทยในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง

ภาษาไทยในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง

        ภาษาไทย เป็นภาษาทางการของประเทศไทย และภาษาแม่ของชาวไทย และชนเชื้อสายอื่นในประเทศไทย ภาษาไทยเป็นภาษาในกลุ่มภาษาไต ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของตระกูลภาษาไท-กะได้ สันนิษฐานว่า ภาษาในตระกูลนี้มีถิ่นกำเนิดจากทางตอนใต้ของประเทศจีน และนักภาษาศาสตร์บางท่านเสนอว่า ภาษาไทยน่าจะมีความเชื่อมโยงกับ ตระกูลภาษาออสโตร-เอเชียติก ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ตระกูลภาษาจีน-ทิเบต
         ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีระดับเสียงของคำแน่นอนหรือวรรณยุกต์เช่นเดียวกับภาษาจีน และออกเสียงแยกคำต่อคำ เป็นที่ลำบากของชาวต่างชาติเนื่องจากการออกเสียงวรรณยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคำและการสะกดคำที่ซับซ้อน นอกจากภาษากลางแล้ว ในประเทศไทยมีการใช้ ภาษาไทยถิ่นอื่นด้วย




การเปลี่ยนแปลงของภาษา
         ภาษาที่มีคนใช้พูดอยู่เป็นประจำย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปอย่างช้า ๆ ค่อยเปลี่ยนและกลายไปทีละน้อย จึงไม่รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลง เราก็สามารถทราบได้โดยการเปรียบเทียบระหว่างภาษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันกับภาษาในอดีต จะเห็นได้จากตัวอย่าง
ภาษาไทยมีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับ ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นใช้ในสมัยสุโขทัย ก็มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่สมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ตามลำดับ เมื่อเราเปรียบเทียบอย่างนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนและจะเห็นการวิวัฒนาการของภาษาจากจุดหนึ่งมายังอีกจุดหนึ่ง
         จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าภาษาย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามภาวะและเทศะ ซึ่งมีลักษณะ
เช่นเดียวกับมนุษย์หรือธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ นั้นก็คือ เกิด แก่ เจ็บ และตาย เป็นธรรมดา คงจะเนื่องด้วยสาเหตุหลายอย่างที่ทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลง ได้แก่
         ๑ สภาพภูมิศาสตร์
         ความเป็นอยู่ของมนุษย์ เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิศาสตร์ สภาพดินฟ้าอากาศ ซึ่งมีอิทธิพลต่อภาษาของมนุษย์ เช่น ผู้อาศัยอยู่ในแถบอากาศหนาวจัด ผู้พูดไม่เปิดปากเวลาพูด หรือ ผู้อยู่ในถิ่นภูมิประเทศที่แร้นแค้น อาหารการกินไม่อุดมสมบูรณ์ เวลาพูดมีเสียงแข็งกระด้าง
ในขณะเดียวกับผู้อยู่ในถิ่นอุดมสมบูรณ์มักพูดมีเสียงอ่อนหวาน สาเหตุทางด้านนี้จะเปลี่ยนแปลง
ในลักษณะของเสียงพูดที่ "กระด้าง" และ "อ่อนหวาน"
         ๒ ความสะดวกในการใช้ภาษา
         การที่ภาษาเปลี่ยนไปโดยเฉพาะในเรื่องเสียงนั้น คงเนื่องด้วยเมื่อผู้ศึกษาภาษาโบราณหรือภาษาเก่า อาจมีเสียงหรือประโยคที่ใช้ ซึ่งตนไม่สามารถออกเสียงได้ถนัด และคิดว่าภาษาโบราณนั้นยาก จึงเปลี่ยนแปลงเสียงจากภาษาโบราณที่ยากเป็นเสียงที่ผู้เรียนถนัดก็ทำให้ภาษาเปลี่ยนได้ เป็นต้น
         ๓ การเรียนภาษาของเด็กอย่างไม่สมบูรณ์
         ศาสตราจารย์ พระยาอนุมานราชธน ได้อธิบายถึงการพูดภาษาของเด็กไว้ ๕ ระยะ คือ
๑. ออกเสียงพูดให้เด็กได้ยิน
๒. เกิดเป็นรูปเสียงขึ้นในใจของเด็ก
๓. การเลียนออกเสียงพูดของเด็ก
๔. การจำรูปเสียงได้ของเด็ก
๕. รู้จักใช้อวัยวะออกเสียงเพราะจำได้
การพูดภาษาของเด็กทั้ง ๕ ระยะนี้ ย่อมมีลักษณะสมบูรณ์ได้ทั้งหมดหามิได้ เนื่องจากการเรียนภาษาเริ่มจากวัยที่เด็กมาก อวัยวะในการฟังและออกเสียงย่อมต่างจากผู้ใหญ่ ความแตกต่างนี้จะมีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วอายุคนจึงกลายเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน
         ๔ การเรียนรู้ชนิดตั้งแนวเทียบ (Analogy)
         การเรียนรู้การตั้งแนวเทียบ (Analogy) คือ การใช้ความรู้ที่มีอยู่แล้วเป็นแนวเทียบสำหรับเรียนรู้สิ่งใหม่ซึ่งยังไม่มีผู้สอนต่อไป แนวเทียบเป็นเครื่องช่วยให้มีความสะดวกแก่การเรียนภาษาเป็นอันมาก เด็กที่สอนพูดสามารถเรียนพูดได้เร็ว เพราะได้อาศัยแนวเทียบเป็นเครื่องช่วย เช่น เมื่อเด็กได้ยินผู้ใหญ่พูดว่า ไก่ ๒ ตัว และเด็กรู้ว่าตัวเป็นลักษณนามของสัตว์เด็กก็อาจเทียบได้ว่า เป็ด ๒ ตัว หรือ หมา ๒ ตัว โดยยังไม่เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดมาก่อน ขบวนการเรียนรู้ชนิดนี้ทำให้มนุษย์เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองมากมาย แต่การเรียนรู้โดยวิธีนี้ย่อมไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะภาษาย่อมไม่มีกฎตายตัวที่แน่นอน เช่น เมื่อเด็กได้ยินผู้ใหญ่พูดว่า คน ๒ คน และ เมื่อเด็กเห็นพระภิกษุ อาจพูดว่า พระภิกษุ ๒ คน เพราะพระภิกษุเป็นคนลักษณนามก็ย่อมเหมือนกับคน และอีกตัวอย่างในภาษาอังกฤษ เช่น คำนามที่นับได้เมื่อต้องให้เป็นคำนามที่เป็นพหูพจน์สามารถเติม "S" หลังคำนามตัวนั้นได้ เช่น books, cats เป็นต้น เมื่อเด็กเห็นคำนามChild เมื่อต้องการทำให้เป็นพหูพจน์ก็ใช้วิธีการเรียนรู้ชนิดตั้งแนวเทียบโดยการเติม "S" เป็น Childs จากการศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงของภาษาต่าง ๆ พบว่าการเรียนรู้ชนิดตั้งแนวเทียบเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาษาเกิดมีการเปลี่ยนแปลงประการหนึ่ง
         ๕ จากสังคม
         William Labov ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า ภาษาเดียวกันที่ใช้อยู่ในสังคมเดียวกัน
จะไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่จะแตกต่างกันตามสภาพของสังคมและบุคคล การเปลี่ยนแปลงชนิดนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อรูปใดรูปหนึ่งของหน่วยเดียวกัน กลายเป็นที่นิยมของผู้ใช้ภาษาทำให้มีการเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ทำให้ผู้รู้ซึ่งเคยเป็นผู้นิยมใช้มาก่อนมีผู้ใช้น้อยลงไป เช่น ในวงการของสื่อสารมวลชนปัจจุบัน นิยมใช้คำหรือประโยคบกพร่องในภาษาไทย เช่น สองผู้ต้องหา, สองนักมวยไทย นี้ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางภาษาที่เกิดขึ้น
         ๖ จากการยืม
         การยืมสามารถทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลงได้มากในทุกระดับทั้งเสียง คำ และโครงสร้างของประโยค เราจึงสามารถกล่าวได้ว่า "การยืม" เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลงไป




ภาษาไทยกับวัยรุ่นไทย
           สังคมเราในปัจจุบันนี้โลกเราได้มีเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้องอย่างมากในชีวิตของคนไทยเรา ทำให้มีความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันรวมทั้งการสื่อสารด้วย ซึ่งในประเทศไทยนี้เยาวชนยุคใหม่บางส่วนได้นำค่านิยมผิด ๆ มาใช้กัน นั้นก็คือการใช้ภาษาไทยที่ผิด โดยเยาวชนกลุ่มนั้นคิดว่าเมื่อใช้แล้วมันเก๋ดี มันเท่ห์ดี แต่หารู้ไม่ว่าอาจจะทำให้ภาษาไทยของเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและทำให้เยาวชนยุคหลังๆใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องตามไปด้วย ประเทศไทยของเรามีภาษาเป็นของตนเองแสดงออกถึงความเป็นเอกราชและความภาคภูมิใจของคนไทยเรา ภาษาไทยเป็นมรดกของคนไทยมายาวนาน แต่เยาวชนยุคบางส่วนใหม่กลับไม่รู้คุณค่าของมันเลย
           การใช้ภาษาไทยที่ผิด ๆ ของวัยรุ่นนั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้ภาษาไทยวิบัติลงไปจริง ๆ ซึ่งจะเห็นได้จากที่วัยรุ่นใช้สื่อสารกันทาง msn เช่นคำว่า ทามอะไรอยู่-ทำอะไรอยู่ เปนอะไร-เป็นอะไร เพราะคำเหล่านี้ทำให้พิมพ์ง่าย สื่อสารกันได้เร็ว และดูเก๋ด้วย แต่ถ้าคิดอีกแง่มุมหนึ่ง การที่ภาษาไทย 1คำ สามารถเขียนได้หลายแบบ เพราะภาษาไทยมีพยัญชนะที่ออกเสียงเหมือน ๆ กัน มีสระที่เสียงคล้าย ๆ กัน จึงทำให้สามารถเขียนออกมาได้หลายแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาษาไทยนั้นสามารถดัดแปลง เปลี่ยนแปลงคำได้หลากหลาย โดยที่ความหมายเหมือนเดิม แต่ลักษณะการเขียนผิดออกไป เป็นเสมือนการสร้างคำ สร้างภาษให้มีการวิบัติมากขึ้น การใช้คำใช้ภาษาไปผิดๆ ทำให้เป็นการฝึกนิสัยในการใช้ภาษาไทยที่ไม่ถูกต้องตามหลักภาษา และฉันกลาพูดได้เลยว่าวัยรุ่นไทยสมัยนี้เขียนคำ สะกดคำในภาษาไทย ได้ไม่ถูกตามตัวสะกด และเขียนภาษาไทยได้ไม่ถูกต้องตามหลักภาษา พูดไม่ถูกอักขระ ไม่มีคำควบกล้ำ บางคนพูดภาษาไทยไม่ชัดเจนด้วยซ้ำไป

ที่มา : moofern510

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น